ลืมรหัสผ่าน / สมัครสมาชิก

สถิติวันนี้ 12 คน
สถิติเดือนนี้ 1,288 คน
สถิติปีนี้ 5,632 คน
สถิติทั้งหมด 218,429 คน
ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2554
  • ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ศูนย์ใหญ่ศึกษา วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน
  • ၸုမ်းၾၢႆႇလဵပ်ႈႁဵၼ်းလွင်ႈတႆး ဝိတ်းထယႃးလႆးႀုမ်းႀူၼ်းမႄႈႁွင်ႈသွၼ် ႁူမ်ၸူမ်းႁပ်ႉတွၼ်ႈယူႇၶႃး

กลับหน้าหลัก ฐานข้อมูล

ประวัติความเป็นมา ศาลเจ้าเมือง เจ้าพ่อหลินหลำ (เจ้าพ่อดินดำ) ศาลเจ้าเมืองแห่งที่สามของเมืองแม่ฮ่องสอน

(24/12/2012 เวลา 09:05:39)

ประวัติความเป็นมา ศาลเจ้าเมือง เจ้าพ่อหลินหลำ (เจ้าพ่อดินดำ)

ศาลเจ้าเมืองแห่งที่สามของเมืองแม่ฮ่องสอน

                                                                                                             โดย อาจารย์เก............................

                ในอดีต ตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน ลุ่มน้ำแม่ฮ่องสอนบริเวณด้านทิศตะวันออกของวัดจองคำในปัจจุบัน เคยเป็นชุมชนของชาวกะเหรี่ยงมาก่อน ที่ริมน้ำแม่ฮ่องสอนในบริเวณนั้นมีก้อนหินใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง ชาวบ้านมีความเชื่อว่าเป็นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีชาวกะเหรี่ยงนำเงินเหรียญโบราณ (เงินรูปี)ไปหยอดไว้ในรูหลืบหินใหญ่เพื่อส่งให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยศพถูกฝังอยู่ในบริเวณแห่งนั้น จะได้นำไปใช้ในชาติหน้า ตามความเชื่อดั้งเดิมของชนเผ่า ต่อมาชุมชนชาวกะเหรี่ยงได้เคลื่อนย้ายออกไป ชาวไทยใหญ่และพม่าได้เข้ามาตั้งรกรากอาศัยบริเวณนั้นเป็นที่ทำสวน ไร่ นา เมื่อทราบว่าก้อนหินใหญ่มีเงินเหรียญโบราณซุกอยู่ในรูหิน บางคนได้นำไม้ยาวชุบยางไม้แหย่เข้าไปในรูดังกล่าว เพื่อตกเอาเงินเหรียญมาใช้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถนำเงินนั้นออกมาได้ เมื่อดึงขึ้นมาเป็นต้องตกลงไปในรูหลืบหินนั้นทุกครั้งไป ความดังกล่าวรู้ถึงพระอูหน่าก๊ะ เจ้าอาวาสวัดจองคำในสมัยนั้น เห็นว่าเป็นการรบกวนและขัดต่อความเชื่อดั้งเดิมของคนพื้นถิ่น ท่านจึงนำซีเมนต์ไปอุดรูนั้นเสีย เพื่อป้องกันชาวบ้านไม่ให้ไปลักขโมยอีก ต่อมาบริเวณแห่งนั้นได้กลายเป็นพื้นที่ของสำนักงานสรรพสามิตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ใช้เป็นโรงต้มกลั่นเหล้าขาว โดยมีชาวบ้านในเมืองแม่ฮ่องสอนเข้ามาสัมปทานต้มกลั่นเหล้าเป็นรายๆไปตามยุคตามสมัยประกอบด้วยนายบุญรัตน์ ไหวดี พ่อขุนศรี นายเดช เล่าเรียนดี คนสุดท้ายคืออากู๋หรือนายเมธี ตันสกุล ซึ่งมีลุงเล็กสือ นิ่มสกุล เป็นผู้จัดการโรงเหล้า การต้มเหล้าในสมัยนั้นใช้เตาขนาดใหญ่ เผาไหม้ด้วยฟืน จึงมีเศษขี้เถ้า ถ่านไม้เป็นจำนวนมาก ขี้เถ้าและถ่านไม้เหล่านั้นได้ถูกขนเอามาทิ้งที่บริเวณเนินห้วยเล็กๆด้านทิศตะวันตกของโรงต้มเหล้า กองขี้เถ้าสูงขึ้นจนดูดำมืดไปหมด ชาวบ้านจึงตั้งชื่อบริเวณแห่งนั้นว่า “กุงหลินหลำ” (เนินดินดำ) และด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกุงหลินหลำ หรือทิศตะวันตกของโรงต้มเหล้า มีต้นไม้ฮุงใหญ่ (ต้นโพธิ์ใหญ่) อยู่ต้นหนึ่ง เดิมอยู่ในบริเวณวัดจองคำ ที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเชื่อว่ามีภูตผี เทวาอารักษ์สิงสถิตอยู่ จนได้ชื่อว่า “เจ้าไม้โหลง” (เจ้าไม้ใหญ่) และชาวพม่าในเมืองแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “เจ้าโยคกะโจ” (เป็นชื่อภูตผี    เทวาอารักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่ชาวพม่าใช้เรียกและเชื่อถือมาแต่โบราณ) จึงมีชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้ต้นไม้ฮุงใหญ่ไปสร้างเข่งผีขึ้น (ศาลรุกขเทวดา)เพื่อเป็นสถานที่สักการบูชาภูตผี รุกขเทวดาประจำต้นไม้ฮุงแห่งนั้น จากความศักดิ์สิทธิ์ของก้อนหินใหญ่ และความเชื่อเรื่องภูตผี เทวาอารักษ์ประจำต้นไม้ฮุงใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กัน ทำให้บริเวณลุ่มน้ำแม่ฮ่องสอนแห่งนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเคารพเชื่อถือ และยำเกรงเรื่อยมา

                ต่อมา เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้ทำความตกลงกับวัดจองคำ ขอตัดถนนผ่านไปทางทิศตะวันตกของต้นไม้ฮุงใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของวัด เชื่อมต่อถนนหน้าโรงเรียนเทศบาลเฉลิมพระเกียรติ 2 ในการตัดถนนดังกล่าว จำเป็นต้องรื้อศาลที่ชาวบ้านสร้างบริเวณต้นไม้ฮุงออกไป เมื่อสร้างถนนเสร็จ ต้นไม้ฮุงใหญ่จึงตกไปอยู่บริเวณเกาะกลางถนนที่ตัดใหม่ดังกล่าวแล้ว

                ต่อมา ประมาณปีพ.ศ  2546 ป้านวล ซึ่งเป็นร่างทรงของเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ได้ฝันไปว่า เจ้าพ่อดินดำมาบอกว่าท่านไม่มีที่อยู่อาศัย จึงนำความฝันไปบอกเล่าแก่ลุงต่าเอ ติยะวงศ์ ผู้ดูแลหอเจ้าเมือง เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ลุงต่าเอ จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายอนันต์ วันไชยธนวงศ์นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอนในสมัยนั้นแต่ไม่ได้รับการสนองตอบ ต่อมาลุงต่าเอ จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายสุเทพ นุชทรวง นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอนในสมัยต่อมา นายสุเทพ นุชทรวง เห็นความสำคัญของหอเจ้าเมืองซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวแม่ฮ่องสอน จึงได้อนุมัติเงินงบประมาณก่อสร้างหอเจ้าเมือง เจ้าพ่อหลินหลำ เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท สร้างเสร็จและจัดทำพิธีมอบหอให้แก่เจ้าพ่อในปีพ.ศ.2554 ศาลเจ้าพ่อหลินหลำ จึงเป็นศาลเจ้าเมืองแห่งที่สามของเมืองแม่ฮ่องสอน รองจากศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และศาลเจ้าพ่อเมืองแข่ ส่วนคำว่าเจ้าพ่อหลินหลำ ได้ชื่อตามกุงหลินหลำ สถานที่ทับถมกองขี้เถ้าแห่งโรงต้มเหล้าในอดีตของเมืองแม่ฮ่องสอนที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง

                สำหรับที่นั่ง (ร่างทรง)ของเจ้าเมืองแห่งแรกของเมืองแม่ฮ่องสอน อันได้แก่ “เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก”ที่มีมาตั้งแต่อดีตแล้วนั้น เริ่มต้นด้วยป้าวันทำหน้าที่ร่างทรง หลังจากป้าวันเสียชีวิต ก็เว้นว่างมาประมาณ 20 ปี ต่อมาป้าจิ่งปุ๊จึงได้มาทำหน้าที่ หลังจากเสียชีวิตแล้วป้าซื้อก็มาทำหน้าที่แทนป้าจิ่งปุ๊ คนสุดท้ายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันนี้คือป้านวล ซึ่งทำหน้าที่ร่างทรงของเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และเจ้าพ่อหลินหลำด้วย สำหรับเจ้าพ่อหลินหลำนั้นชอบกลองมองเซิง ควรนำกลองมองเซิงตีประโคมทุกครั้งเมื่อมีการประทับร่างทรงก็จะเป็นที่พอใจของเจ้าพ่อเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว

                อ้างอิง  ผู้ให้ข้อมูล

                นายต่าเอ ติยวงศ์  ผู้ดูแลศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก

                นายพิเชษฐ ใจดี เจ้าของที่ดินบริเวณก้อนหินใหญ่

                นายสุเทพ นุชทรวง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน

 

           

จำนวนผู้เข้าชม : 2579

กลับหน้าหลัก ฐานข้อมูล